ทำให้การส่งสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Signaling Equipment) เริ่มทำงานเพื่อแจ้งเตือนให้คนที่อยู่ภายในอาคารรับรู้เหตุการณ์ได้ทันที ส่งผลให้การอพยพออกจากอาคาร หรือการควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามเป็นไปอย่างรวดเร็วและลดความสูญเสียลงได้
สำหรับคอนโดที่เป็นอาคารขนาดใหญ่(เกิน 2,000 ตร.ม.) หรือ อาคารสูง(เกิน 23 ม.) กฎหมายกำหนดให้ต้องติดอุปกรณ์เตือนภัยชนิดนี้ไว้ภายในห้องตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ด้วย
สถิติจากสมาคมป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติ (National Fire Protection Association: NFPA) พบว่าการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินจากเหตุเพลิงไหม้ในอาคาร 38% ไม่มีระบบ Smoke Detector และ 21% พบว่าอาคารที่เกิดเพลิงไหม้แม้ว่าจะติดตั้งระบบ Smoke Detector แต่เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ระบบไม่ทำงาน
ตรวจสอบอุปกรณ์ Smoke Detector ตามมาตรฐานของผลิตภัณฑ์
หลังจากการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับควันไปแล้วทุก 1-2 ปี ควรมีการสำรวจความพร้อมของอุปกรณ์ว่ายังสามารถใช้งานได้หรือไม่ เนื่องจากปัจจัยทางสภาพแวดล้อม เช่น ฝุ่น ลม ความร้อน ความชื้น มีผลทำให้อุปกรณ์ตรวจจับควันเกิดความเสียหายหรือมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
เราควรหมั่นตรวจสอบ Smoke Detector อย่างสม่ำเสมอโดย
ทั้งนี้ก่อนตรวจเช็คเรื่องควันไฟ ควรแจ้งช่างอาคารเบื้องต้นให้ทราบก่อน เพราะจะได้ไม่เกิดการเตือนให้คนอื่นที่ร่วมอาศัยอยู่กับเราต้องตกใจไปกับการทดลองนะครับ