ณ ปัจจุบัน บริษัทเดเวลอปเปอร์หลายเจ้าก็ได้ออกแบบโครงการใหม่หลายที่ให้มีแนวคิดแบบ Pet-Friendly เพื่อตอบโจทย์เทรนด์การเลี้ยงสัตว์ที่นิยมกันมากขึ้น โดยในบริเวณพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดเหล่านี้ก็จะมีโซนสำหรับสัตว์เลี้ยง สามารถพาน้องหมาน้องแมวไปเดินเล่น ไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเลี้ยงสัตว์ในห้องคอนโดของตัวเองนั้น ก็ควรจะต้องพิจารณาให้ดีซะก่อน เพราะว่าอาจจะก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งกลิ่นเหม็น ส่งเสียงดังรบกวน หรือทำของพังเสียหาย ทำให้กลายเป็นปัญหาวุ่นวายระหว่างผู้พักอาศัยบนคอนโด ดังนั้นMDPC จะพาทุกคนไปดูกันว่าสิ่งที่ควรรู้ก่อนเลี้ยงสัตว์ในคอนโด เพื่อให้อยู่ร่วมกับน้อง ๆ ได้อย่างสบายใจ มีอะไรที่เราควรทำบ้าง
1.ศึกษากฎระเบียบการเลี้ยงสัตว์ในคอนโด
ก่อนตัดสินใจเลี้ยงสัตว์ในคอนโด สิ่งแรกที่ควรทำคือ ศึกษากฎระเบียบเรื่องการเลี้ยงสัตว์ของคอนโดให้ละเอียดก่อน โดยคอนโดส่วนใหญ่ก็จะไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ แต่สำหรับคอนโดที่มีแนวคิดแบบ Pet-Friendly ก็จะมีเงื่อนไขต่าง ๆ ในการเลี้ยงสัตว์ที่ผู้อยู่อาศัยทุกคนต้องศึกษาให้ครบถ้วน
2.บทลงโทษ และการดำเนินการของนิติบุคคล
ปกติเมื่อเกิดปัญหาจากสัตว์เลี้ยง นิติบุคคลจะแจ้งเตือนตามลำดับ เริ่มตั้งแต่การแจ้งด้วยการบอกกล่าวทางวาจา การทำจดหมายแจ้งเตือน หากเราที่เป็นผู้พักอาศัยยังไม่แก้ไขปัญหาที่เกิดจากสัตว์เลี้ยงของเรา ทางนิติบุคคลก็จะเรียกเก็บค่าปรับ
3.ข้อควรรู้ ‘กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของสัตว์เลี้ยง’
กลิ่นไม่พึงประสงค์จากสัวต์เลี้ยงอย่างเช่น ปัสสาวะ หรืออุจจาระจากสัตว์เลี้ยง เราควรศึกษาให้ดี โดยสามารถสอบถามกับทางนิติบุคคลว่าเราควรนำไปทิ้งในจุดไหน ที่จะไม่ก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เพื่อไม่ให้เป็นการเดือดร้อนผู้พักอาศัยคนอื่น ซึ่งเจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกคนต้องดูแลจัดเก็บสิ่งปฏิกูลให้เรียบร้อย และอย่าลืมเช็ดบริเวณพื้นด้วยน้ำยาทำความสะอาดด้วยทุกครั้ง
4.ฝึกสัตว์เลี้ยงไม่ให้ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น
ปัญหาเรื่องสัตว์เลี้ยงส่งเสียงดัง เรียกได้ว่าเป็นปัญหาอันดับต้น ๆ ของการเลี้ยงสัตว์ในคอนโด ดังนั้นเจ้าของจะต้องให้ความใส่ใจ สำหรับคนที่เลี้ยงสุนัขทำได้โดยการไม่ให้ความสนใจเวลาน้องเห่า ซึ่งจะเป็นการฝึกให้รู้ว่าไม่ควรเห่าเสียงดัง ทำได้โดยการไม่ให้ความสนใจเวลาน้องเห่า หรือฝึกให้ชินกับสิ่งเร้าต่าง ๆ และสำหรับคนที่เลี้ยงแมว สามารถพาไปทำหมันเพื่อไม่ให้น้องส่งเสียงร้องจากอาการ ‘ติดสัตว์’ ที่จะเกิดขึ้นในทุก ๆ 3-4 อาทิตย์ การฝึกสัตว์เลี้ยงต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากไม่ฝึกอย่างสม่ำเสมอ น้อง ๆ อาจจะลืมสิ่งที่เรียนรู้จากเราไปได้
5.ฝึกไม่ให้ทำเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของอื่น ๆ เสียหาย
ถ้าเกิดว่าสัตว์เลี้ยงของเราไปสร้างความเสียหายกับเฟอร์นิเจอร์ ข้างของต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ส่วนกลางของคอนโด ก็จะตามมาด้วยค่าเสียหายสูงลิบลับ สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหานี้ สามารถทำได้โดยการฝึกฝนสัตว์เลี้ยง หากเป็นสุนัขสามารถฝึกโดยการตักเตือน พาไปออกกำลังกายแก้เครียด หรือหาของเล่นมาให้กัดแทะ ส่วนใครที่เลี้ยงแมว ก็ขอแนะนำให้ซื้อของเล่นสำหรับฝนเล็บมาไว้ให้น้องลับเล็บกัน เพื่อที่จะไม่ไปขีดข่วนสิ่งของอย่างอื่น
6.การใช้ใช้สายจูง
ถึงแม้ว่าคอนโดหลายโครงการที่เป็นแบบ Pet-Friendly จะมีโซนสัตว์เลี้ยงในส่วนกลางให้พาน้องหมาน้องแมวไปวิ่งเล่นได้ สิ่งที่เจ้าของทุกคนห้ามลืมก็คือ ‘การสายจูง’ เพราะว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยฝึกน้อง ๆ ไม่ให้ทำทุกอย่างตามใจ และยังช่วยในเรื่องความปลอดภัยทั้งกับตัวน้องและเพื่อนสัตว์เลี้ยวตัวอื่น ๆ อีกด้วย
7.ต้องจัดพื้นที่ระเบียงให้ปลอดภัย
หลายคนที่เลี้ยงสัตว์อยู่คอนโดพลาดมานักต่อนัก การมีประตูก่อนออกไปยังระเบียงไม่ได้เป็นสิ่งที่การันตีว่าสัตว์เลี้ยงของเราจะอยู่ในห้องคอนโดตลอดเวลา ในบางครั้งหากเราลืมเปิดประตูทิ้งไว้ น้อง ๆ ก็อาจจะหลุดรอดออกมาและกระโดดออกไปนอกระเบียงได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุการสูญเสียสัตว์เลี้ยง ควรจัดพื้นที่ระเบียงให้ปลอดภัย อาจจะทำโดยการติดตั้งตะแกรงเหล็ก ตาข่าย หรือระแนงไม้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับสัตว์เลี้ยง
8.ควรเอาใจใส่ และมีความรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยง
การเลี้ยงสัตว์ล้วนต้องอาศัยความเอาใจใส่และมีเวลาในการดูแลทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการพาไปเดิน การให้อาหาร อาบน้ำ ทำความสะอาด ตลอดจนพาไปรักษาพยาบาล และทั้งหมดนี้ก็เป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกด้วย ดังนั้นหากเราไม่สามารถแบ่งเวลาให้กับสัตว์เลี้ยงได้ ก็ยังไม่ควรเลี้ยงโดยเด็ดขาด และสำหรับคนที่มีความพร้อมในการเลี้ยงสัตว์ก็อย่าลืมเลี้ยงดูน้อง ๆ ด้วยความรอบคอบ