เรื่องราวที่น่าสนใจ Archives - MDPC

Pet Family Services บริการเพื่อสัตว์เลี้ยงสำหรับลูกบ้าน MDPC🐾

🐾

Pet Hotel

บริการรับฝากสุนัขและแมว ทั้งแบบรายวันและค้างคืน พร้อมพยาบาลดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

บริการที่ได้รับจาก Pet Hotel

  • ตรวจร่างกายประจำวัน วันละ 1 ครั้ง
  • เครื่องปรับอากาศตลอด 24 ชั่วโมง
  • พยาบาลสัตว์ดูแล 24 ชั่วโมง
  • ส่งคลิปวีดีโอ (ทางไลน์) วันละ 2 ครั้ง (เช้าและเย็น)
  • การวางอาหารและน้ำ สัตว์เลี้ยงทานอาหารเองได้
  • น้ำดื่มสะอาดคุณภาพเทียบเท่าน้ำดื่มคน
  • การทำความสะอาดกรง เก็บอุจจาระ เปลี่ยนทราย ผ้าปูกรง วันละครั้ง
  • การทำความสะอาดร่างกายสัตว์ประจำวัน
  • บริการพาเดินนอกกรง
  • หากต้องการรับบริการเพิ่มเติม ได้แก่ การตัดเล็บ การป้อนยา หยอดยา ทายา ฉีดยา หรือพบอาการป่วยระหว่างการฝาก จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • สิ่งที่แนะนำให้เตรียมมาด้วย ได้แก่ อาหาร ของเล่นน้อง ของใช้ส่วนตัวของน้อง ทรายแมวเฉพาะ กรณีไม่ได้เตรียมอาหารมาเองสามารถชำระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ทางโรงพยาบาลได้
  • สามารถฝากเลี้ยงได้ตั้งแต่ 9.00 น. และรับกลับภายในเวลา 15.00 น. ของวันถัดไป หากเกิน 15.00 น. จะคิดค่าบริการเพิ่มอีก 1 คืน
  • สถานที่ฝากสัตว์เลี้ยง คือ โรงพยาบาลสัตว์คชาเว็ท ซอยรัชดาภิเษก 10

วิธีรับบริการ

  • ติดต่อรับบริการได้ที่ Line: MDPC Official หรือคลิก https://lin.ee/MlLG50K ทักแชทพิมพ์ #petservice หรือโทร. 02-082-0888 ตั้งแต่เวลา 8.30-19.00 น.
  • กรุณาสำรองบริการล่วงหน้า โดยระบุวันและเวลาที่ต้องการใช้บริการ เพื่อให้ทางโรงพยาบาลยืนยันกลับอีกครั้ง ทั้งนี้ กรณีวันหยุดยาว วันหยุดประเพณี กรุณาชำระค่ามัดจำ 50% โดยตรงกับทางโรงพยาบาลสัตว์คชาเว็ท

เงื่อนไขการรับบริการ

  • บริการฝากเลี้ยง เป็นเพียงการให้บริการดูแลสัตว์เลี้ยงเบื้องต้น โดยเจ้าหน้าที่พยาบาลสัตว์เท่านั้น มิใช่บริการทางการแพทย์ ดังนั้น สุนัขและแมวต้องมีสุขภาพดี ไม่ได้มีสภาวะเจ็บป่วยใด ๆ ไม่มีการดูแลอื่น ๆ หรือไม่มีหัตถการที่เกี่ยวกับการรักษาเพิ่มเติม เหมาะสำหรับสัตว์สุขภาพดี ไม่มียาประจำตัวที่ต้องทาน ไม่มีหัตถการที่เกี่ยวกับการรักษา
  • เป็นการฝากเลี้ยงแบบกรง (ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดของกรง) และมีพยาบาลดูแลน้อง 24 ชั่วโมง
  • หากต้องการใช้บริการ Pet Taxi รับ – ส่ง กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า หากลูกบ้านต้องการส่งน้องด้วยตัวเอง สามารถทำได้เช่นกัน
  • หากสัตว์เลี้ยงต้องการบริการทางด้านการแพทย์ หรือ การดูแลอื่น ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากการดูแลปกติ กรุณาแจ้งความประสงค์ต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ทางโรงพยาบาลสัตว์ติดต่อกลับ เพื่อขอข้อมูลและให้คำแนะนำในการให้บริการอย่างถูกต้อง
  • กรณีต้องการยกเลิกบริการ ต้องแจ้งยกเลิกก่อน 24 ชั่วโมง โดยจะทำการคืนเงินมัดจำ 50% ทั้งนี้ กรณียกเลิกไม่ถึง 24 ชั่วโมง ไม่สามารถคืนเงินได้

🐾

Pet Taxi

บริการรถรับ-ส่ง สุนัขและแมว สำหรับลูกบ้าน รับบริการได้หลากหลายเส้นทาง

อัตราค่าบริการ

จำนวนสัตว์เลี้ยงที่สามารถรับบริการได้

  • สุนัขขนาด S ไม่เกิน 12 กิโลกรัม = 5 ตัว
  • สุนัขขนาด M ไม่เกิน 26 กิโลกรัม = 3 ตัว
  • สุนัขขนาด L ไม่เกิน 45 กิโลกรัม = 2 ตัว
  • แมวขนาด S ไม่เกิน 5 กิโลกรัม = 5 ตัว
  • แมวขนาด M ไม่เกิน 12 กิโลกรัม = 5 ตัว

วิธีรับบริการ

  • ติดต่อรับบริการได้ที่ Line: MDPC Official หรือคลิก https://lin.ee/MlLG50K ทักแชทพิมพ์ #petservice หรือโทร. 02-082-0888 ตั้งแต่เวลา 8.30-19.00 น.
  • จองบริการล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง พร้อมชำระค่ามัดจำ 250 บาท โดยตรงกับทางโรงพยาบาลสัตว์คชาเว็ท
  • กรณีเจ็บป่วยเร่งด่วน สามารถจองล่วงหน้า 1-2 ชั่วโมง โดยมีราคาพิเศษ 1,800 บาท (ส่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล)

เงื่อนไขการรับบริการ

  • บริการ Pet Taxi จากโครงการฯ มายังโรงพยาบาลสัตว์คชาเว็ท รับบริการได้ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น.
  • บริการ Pet Taxi ไปยังสถานที่อื่นนอกจากโรงพยาบาลสัตว์คชาเว็ท สามารถรับบริการได้ตั้งแต่เวลา 7.00 – 17.00 น.
  • กรณีรับ-ส่ง สัตว์เลี้ยงป่วย รับบริการได้ตั้งแต่เวลา 8.00 – 20.00 น.
  • บริการ Pet taxi เป็นเพียงบริการรับ-ส่งสัตว์เลี้ยงเท่านั้น มิใช่บริการรถพยาบาลหรือบริการทางการแพทย์
  • สัตว์เลี้ยงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าของ หรืออยู่ในตะกร้า กรง กระเป๋า ตลอดการเดินทาง กรณีไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าวเจ้าของต้องอุ้มและอยู่ในสายจูงตลอดเวลา
  • บริการ Pet taxi เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถเดินทางไปด้วยหรือไม่ก็ได้
  • กรณีเจ้าหน้าที่ Pet Taxi เดินทางไปถึงที่นัดหมายและรอเกิน 30 นาที จะคิดค่าบริการเพิ่มเป็น 1 ชั่วโมง ชั่วโมงละ 300 บาท
  • โรงพยาบาลสัตว์คชาเว็ท ยืดถือความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงและพนักงาน Pet Taxi เป็นหลัก ขอสงวนสิทธิ์ยกเลิกบริการ หากเห็นว่ามีโอกาสเกิดอันตรายหรือมีความเสี่ยงในการเคลื่อนย้าย
  • งดให้บริการสัตว์เลี้ยงดุร้าย ก้าวร้าว เกินความควบคุมของเจ้าของและเจ้าหน้าที่ Pet Taxi
  • กรณีเจ้าของไม่สามารถควบคุมสัตว์เลี้ยงจนเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน เจ้าของจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
  • หากต้องการยกเลิกบริการ กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า 2-3 ชั่วโมง ก่อนถึงเวลานัดหมาย หากเกินเวลาที่กำหนด ขอสงวนสิทธิ์คืนค่ามัดจำบริการ Pet Taxi และต้องทำการจองคิวใหม่ ทั้งนี้ สามารถเลื่อนนัดได้จำนวน 1 ครั้ง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

🐾

Pet Sitter

บริการดูแลสุนัขและแมว โดยเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาล

สามารถเลือกรับบริการได้ที่โครงการเมเจอร์หรือที่โรงพยาบาลสัตว์คชาเว็ท

Pet Sitter at Home สะดวกสบาย บริการถึงที่โครงการ

บริการอยู่เป็นเพื่อนและคอยดูแลสุนัข แมว ที่มีอาการปกติ รวมถึงสุนัขและแมวที่ต้องได้รับการดูแลเพิ่มเติมถึงที่โครงการโดยพยาบาลสัตว์ (เป็นบริการดูแลแบบเบื้องต้นเท่านั้น มิใช่บริการทางการแพทย์ และไม่ใช่การทำหัตถการ)

เลือกรับบริการได้ 2 แพ็กเกจ ได้แก่

อัตราค่าบริการ

วิธีรับบริการ

  • ติดต่อรับบริการได้ที่ Line: MDPC Official หรือคลิก https://lin.ee/MlLG50K ทักแชทพิมพ์ #petservice หรือโทร. 02-082-0888 ตั้งแต่เวลา 8.30-19.00 น.
  • จองบริการล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • เจ้าหน้าที่สามารถให้บริการที่โครงการ ได้ตั้งแต่ 9.30 – 16.00 น.

เงื่อนไขการรับบริการ

  • หากต้องมีการทำหัตถการที่มีการเจาะ สวน ดูด แทง เข้าร่างกายสัตว์เลี้ยง เช่น การให้น้ำเกลือใต้ผิวหนัง การฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง เช่น อินซูลิน จะต้องมีสัตวแพทย์ไปด้วย ซึ่งจะมีค่าบริการเพิ่มเติม
  • หากเป็นการดูแลทางการแพทย์หรือต้องตรวจรักษาโดยสัตวแพทย์ รวมถึงหากต้องมีการดูแลอื่น ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากการดูแลปกติ จะต้องนำสัตว์เลี้ยงมาที่โรงพยาบาลสัตว์เท่านั้น
  • กรุณาแจ้งความประสงค์ต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อใหโรงพยาบาลสัตว์คชาเว็ท ติดต่อกลับเพื่อขอข้อมูลและให้คำแนะนำในการรับบริการอย่างถูกต้อง
  • หากต้องการให้ตรวจอาการป่วยที่โครงการ โดยที่สัตว์เลี้ยงอาการยังคงที่ ไม่เข้าข่ายเคสฉุกเฉิน กรณีนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • ค่าบริการดังกล่าวยังไม่รวมยา เวชภัณฑ์ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้ (หากมีความประสงค์ต้องการซื้อ กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ)
  • กรณีต้องการยกเลิกบริการ ต้องแจ้งยกเลิกก่อน 24 ชั่วโมง โดยจะทำการคืนเงินมัดจำ 50% ทั้งนี้ กรณียกเลิกไม่ถึง 24 ชั่วโมง ไม่สามารถคืนเงินได้

Pet Sitter at Kachavet ดูแลแบบหายห่วง พร้อมพยาบาลดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

บริการฝากดูแลสุนัขหรือแมวที่อาการป่วยคงที่ รับบริการที่โรงพยาบาลสัตว์คชาเว็ท โดยมีสัตวแพทย์และพยาบาลสัตว์ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เหมาะสำหรับการดูแลสุนัข แมว ที่มีอาการป่วยเล็กน้อย อาการป่วยคงที่ หรือต้องการการดูแลเพิ่มเติม เช่น การป้อนน้ำ ป้อนอาหาร ป้อนยา หยอดยาที่ตา พ่นยาที่ผิวหนัง ทายาที่ผิวหนัง เป็นต้น

อัตราค่าบริการ

Pet Sitter สำหรับสุนัข

Pet Sitter สำหรับแมว

รายละเอียดรับบริการ (ขี้นอยู่กับอาการของสัตว์เลี้ยง)

  • ป้อนยาสัตว์เลี้ยงที่มีโรคประจำตัวหรืออยู่ระหว่างการรักษา รวมถึงการใช้ยาภายนอกอื่น ๆ
  • หยอดตา กรณีเป็นโรคเกี่ยวข้องกับดวงตา
  • เช็ดทำความสะอาดหู และหยอดยารักษาหู
  • ทายาเกี่ยวกับโรคผิวหนัง เช่น ยาบำรุงขน สเปรย์ฆ่าเชื้อ ยาทาฆ่าเชื้อบนผิวหนัง เป็นต้น
  • การล้างปาก พ่นยาในช่องปาก
  • ฟอกทำความสะอาดผิวหนัง
  • ทำกายภาพแบบไม่ต้องใช้เครื่อง
  • พยาบาลสัตว์ดูแล 24 ชั่วโมง
  • เครื่องปรับอากาศและเครื่องฟอกอากาศ ตลอด 24 ชั่วโมง
  • น้ำดื่มสะอาดคุณภาพเทียบเท่าน้ำดื่มคน
  • ส่งคลิปวีดีโอ (ทางไลน์) วันละ 2 ครั้ง (เช้าและเย็น)
  • มีบริการพาเดินนอกกรง

วิธีรับบริการ

  • ติดต่อรับบริการได้ที่ Line: MDPC Official หรือคลิก https://lin.ee/MlLG50K ทักแชทพิมพ์ #petservice หรือโทร. 02-082-0888 ตั้งแต่เวลา 30-19.00 น.- จองบริการล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

เงื่อนไขการรับบริการ

  • หากต้องมีการทำหัตถการที่มีการเจาะ สวน ดูด แทง เข้าร่างกายสัตว์เลี้ยง เช่น การให้น้ำเกลือใต้ผิวหนัง การฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง เช่น อินซูลิน รวมถึงการทำกายภาพที่ต้องใช้เครื่องมือที่ต้องได้รับการดูแลโดยสัตวแพทย์และพยาบาลสัตว์ จะมีค่าบริการเพิ่มเติม
  • หากสัตว์เลี้ยงมีอาการป่วยเพิ่มขึ้น สัตวแพทย์จะพิจารณาเพื่อปรับเป็นฝากรักษา (IPD) โดยจะแจ้งให้ทราบก่อนล่วงหน้า
  • สามารถฝากเลี้ยงได้ตั้งแต่ 9.00 น. และรับกลับภายในเวลา 15.00 น. ของวันถัดไป หากเกิน 15.00 น. จะคิดค่าบริการเพิ่มอีก 1 คืน
  • ค่าบริการ ไม่รวม ยา เวชภัณฑ์ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้ (หากมีความประสงค์ซื้อจากทางโรงพยาบาลสัตว์ กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ)
  • สถานที่ฝากสัตว์เลี้ยง คือ โรงพยาบาลสัตว์คชาเว็ท
  • กรณีต้องการยกเลิกบริการ ต้องแจ้งยกเลิกก่อน 24 ชั่วโมง โดยจะทำการคืนเงินมัดจำ 50% ทั้งนี้ กรณียกเลิกไม่ถึง 24 ชั่วโมง ไม่สามารถคืนเงินได้

🐾

Pet Training

คอร์สอบรมปรับพฤติกรรมสัตว์เลี้ยงและเสริมทักษะชีวิต โดยสัตวแพทย์ด้านพฤติกรรมสัตว์โดยตรง

สถานที่ฝึกสามารถเลือกได้ตามต้องการ

1. รับบริการฝึกที่ Happy Howl Training and Behavioral Service สำหรับการฝึกแบบส่วนตัวและกลุ่มเล็ก
2. รับบริการฝึกที่ โรงพยาบาลสัตว์คชาเว็ท
3. รับบริการฝึกที่ Pet Area ของโครงการ หรือบริเวณที่อนุญาตให้สัตว์เลี้ยงเข้าได้

แบ่งออกเป็น 4 คอร์สการฝึก ได้แก่

  1. คอร์สอบรมลูกสุนัข (Puppy Training Class)

คอร์สฝึกพฤติกรรมสุนัข เพื่อให้เจ้าของรู้จักวิธีการเลี้ยงอย่างถูกต้อง เข้าใจพฤติกรรม และความต้องการพื้นฐานของลูกสุนัข เพื่อส่งเสริมประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อลดปัญหาพฤติกรรมในอนาคต ให้ใช้ชีวิตและเข้าสังคมได้อย่างมีความสุข

คอร์สนี้เหมาะกับใคร

  • ลูกสุนัขทุกสายพันธ์ อายุ 2 – 5 เดือน
  • ลูกสุนัขที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม
  • ลูกสุนัขที่ได้รับการถ่ายพยาธิภายใน และป้องกันปรสิตภายนอกแล้ว สุขภาพแข็งแรง ไม่มีเห็บหมัด

อัตราค่าบริการ

  • คลาสแบบกลุ่ม เริ่มต้น 19,900 บาท
  • คลาสแบบเดี่ยว เริ่มต้น 24,900 บาท
  • ระยะเวลาการเรียน จำนวน 4 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง

 

  1. คอร์สอบรมลูกแมว (Kitten Training Class)

คอร์สให้คำปรึกษาพฤติกรรมที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรมก้าวร้าว ดุ ตบ ขับถ่ายไม่เป็นที่ ตื่นกลัว เพื่อลดปัญหาพฤติกรรมในอนาคต ให้ใช้ชีวิตและเข้าสังคมได้อย่างมีความสุข

คอร์สนี้เหมาะกับใคร

  • ลูกแมวทุกสายพันธ์ อายุ 2 – 5 เดือน
  • ลูกแมวที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม
  • ลูกแมวที่ได้รับการถ่ายพยาธิภายใน และป้องกันปรสิตภายนอกแล้ว สุขภาพแข็งแรง

อัตราค่าบริการ

  • คลาสแบบกลุ่ม เริ่มต้น 19,900 บาท
  • คลาสแบบเดี่ยว เริ่มต้น 24,900 บาท
  • Feline Behavior consultation Course 3 ครั้ง ราคา 17,900 บาท
  • ระยะเวลาการเรียน จำนวน 4 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง

 

  1. Behavior Consultation Course 3 ครั้ง รับบริการได้ที่โครงการ

เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสุนัขและแมวที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ เช่น ดุร้าย เข้าสังคมไม่ได้ หวงอาหาร หวาดกลัวคนแปลกหน้า กลัวการออกนอกสถานที่ หวงตัว เห่าหอนตลอดเวลา จนสร้างความรำคาญให้กับผู้อื่น

คอร์สนี้เหมาะกับใคร

  • ลูกสุนัขทุกสายพันธ์ อายุ 6 เดือนขึ้นไป
  • ลูกสุนัขที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม
  • ลูกสุนัขที่ได้รับการถ่ายพยาธิภายใน และป้องกันปรสิตภายนอกแล้ว สุขภาพแข็งแรง ไม่มีเห็บหมัด

อัตราค่าบริการ

  • Dog Behavior Consultation Course 3 ครั้ง ราคา 17,900 บาท (สำหรับอายุ 6 เดือนขึ้นไป)
  • Feline Behavior consultation Course 3 ครั้ง ราคา 17,900 บาท

 

  1. บริการปรึกษาสัตวแพทย์ผ่านวิดีโอคอล เรื่องการปรับพฤติกรรมสัตว์เลี้ยง (Behavioral Tele Consultation via video call) รับบริการแบบออนไลน์

วิดีโอคอล เพื่อพูดคุยกับคุณหมอ พร้อมรับคำแนะนำดี ๆ เพื่อนำไปปรับใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม (ระยะเวลา 30-45 นาที)

คอร์สนี้เหมาะกับใคร

  • สุนัขและแมวทุกสายพันธ์ อายุ 6 เดือนขึ้นไป

อัตราค่าบริการ

  • ครั้งละ 2,400 บาท

วิธีรับบริการ

  • ติดต่อรับบริการได้ที่ Line: MDPC Official หรือคลิก https://lin.ee/MlLG50K ทักแชทพิมพ์ #petservice หรือโทร. 02-082-0888 ตั้งแต่เวลา 30-19.00 น.

6 โรคที่พบบ่อยในสุนัข

สุนัขเป็นเพื่อนคู่ใจของใครหลายคน แต่ก็อาจเจ็บป่วยได้เช่นกัน วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 6 โรคที่พบบ่อยในสุนัข พร้อมวิธีการป้องกันและดูแลเบื้องต้น เพื่อให้น้องหมาของคุณมีสุขภาพแข็งแรง

โรคที่พบบ่อยในสุนัข
โรคที่พบบ่อยในสุนัข

โรคติดเชื้อ: ภัยร้ายที่คุกคามลูกสุนัข

  • โรคไข้หัดสุนัข, โรคพิษสุนัขบ้า, โรคพาร์โวไวรัส: เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน
  • อาการ: ไข้สูง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ท้องเสีย อาเจียน น้ำมูกไหล ตาแดง
  • วิธีป้องกัน: พาไปฉีดวัคซีนตามกำหนดของสัตวแพทย์

โรคมะเร็ง: ศัตรูตัวร้ายที่ต้องเฝ้าระวัง

  • มะเร็งผิวหนัง, มะเร็งต่อมน้ำเหลือง: มักพบในสุนัขอายุมาก
  • อาการ: ก้อนเนื้อผิดปกติ แผลเรื้อรัง น้ำหนักลด เบื่ออาหาร
  • วิธีป้องกัน: ตรวจสุขภาพสุนัขเป็นประจำ

โรคหัวใจ: สาเหตุที่ทำให้น้องหมาเหนื่อยง่าย

  • โรคลิ้นหัวใจผิดปกติ, โรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง: มักพบในสุนัขพันธุ์เล็ก
  • อาการ: หอบเหนื่อยง่าย ไอ เบื่ออาหาร บวม
  • วิธีป้องกัน: ตรวจสุขภาพสุนัขเป็นประจำ

โรคไต: ภัยเงียบที่ค่อยๆทำลายสุขภาพ

  • โรคไตเป็นอีกหนึ่งโรคที่พบได้บ่อยในสุนัข โดยเฉพาะสุนัขสูงอายุ
  • อาการ: ดื่มน้ำมาก ปัสสาวะบ่อย เบื่ออาหาร อาเจียน
  • วิธีป้องกัน: ให้สุนัขดื่มน้ำสะอาดเพียงพอ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีเกลือสูง

โรคข้อเข่าเสื่อม: ทำให้น้องหมาเดินไม่สะดวก

  • โรคข้อเข่าเสื่อมมักพบในสุนัขพันธุ์ใหญ่ หรือสุนัขที่มีน้ำหนักตัวมาก
  • อาการ: เดินขัดขา ลุกยาก เจ็บปวดเมื่อสัมผัสบริเวณข้อ
  • วิธีป้องกัน: ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักเกินไป

โรคทางเดินหายใจ: ทำให้น้องหมาหายใจลำบาก

  • โรคทางเดินหายใจ เช่น โรคหลอดลมอักเสบ โรคปอดบวม มักเกิดจากการติดเชื้อ
  • อาการ: ไอ จาม มีน้ำมูก หายใจลำบาก
  • วิธีป้องกัน: หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นละออง หรือสารระคายเคือง

สิ่งสำคัญที่เจ้าของสุนัขควรทำ:

  • พาสุนัขไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำ: เพื่อตรวจสุขภาพ ตรวจวัคซีน และปรึกษาปัญหาสุขภาพ
  • สังเกตอาการผิดปกติของสุนัข: เช่น เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อาเจียน ท้องเสีย
  • ให้สุนัขกินอาหารที่มีคุณภาพ: เลือกอาหารที่เหมาะสมกับอายุและสายพันธุ์
  • ออกกำลังกายสุนัขอย่างสม่ำเสมอ: แต่ไม่ควรออกกำลังกายหนักเกินไป
  • รักษาความสะอาด: ทำความสะอาดที่อยู่อาศัยและอุปกรณ์ของสุนัขเป็นประจำ

การดูแลสุขภาพสุนัขอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้เราสามารถสังเกตเห็นสัญญาณของโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และสามารถนำสุนัขไปรับการรักษาได้อย่างทันท่วงที หากคุณพบว่าสุนัขของคุณมีอาการผิดปกติ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง

โรคที่กล่าวมาทั้งหมดในข้างต้น เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต โรคข้อเข่าเสื่อม ล้วนเป็นโรคที่พบบ่อยในสุนัข และค่าใช้จ่ายในการรักษามักสูงมาก การทำประกันสัตว์เลี้ยงจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยดูแลสุขภาพของสุนัขในระยะยาว

สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกทำประกันสัตว์เลี้ยง

  • ความคุ้มครอง: เปรียบเทียบความคุ้มครองของแต่ละบริษัท เช่น ค่ารักษาพยาบาล โรคที่คุ้มครอง ค่าผ่าตัด ค่าฉีดวัคซีน
  • เบี้ยประกัน: เลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับงบประมาณ
  • เงื่อนไขการรับประกัน: อ่านเงื่อนไขการรับประกันให้ละเอียด เพื่อให้เข้าใจสิทธิและความคุ้มครองของตนเอง

การทำประกันสัตว์เลี้ยงเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพของสุนัขที่คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสุนัขพันธุ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคบางชนิด หรือสุนัขที่มีอายุมากขึ้น การมีประกันสัตว์เลี้ยงจะช่วยให้เจ้าของสุนัขสามารถดูแลสัตว์เลี้ยงได้อย่างเต็มที่ และไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเมื่อสัตว์เลี้ยงเจ็บป่วย

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • เปรียบเทียบราคาและความคุ้มครอง: ก่อนตัดสินใจทำประกัน ควรเปรียบเทียบราคาและความคุ้มครองของหลายๆ บริษัท
  • อ่านรายละเอียดสัญญาอย่างละเอียด: ควรอ่านรายละเอียดสัญญาประกันภัยให้เข้าใจก่อนลงนาม

การทำประกันสัตว์เลี้ยงเป็นการแสดงความรักและความรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณ

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันสัตว์เลี้ยง สามารถสอบถามได้เลยค่ะ

8 ความคุ้มครองที่คุณต้องรู้ สำหรับประกันสัตว์เลี้ยง

8 ความคุ้มครองที่คุณต้องรู้ สำหรับประกันสัตว์เลี้ยง

ประกันสัตว์เลี้ยงเป็นเหมือนเกราะป้องกันให้กับสัตว์เลี้ยงสุดที่รักของคุณ ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ ซึ่งจะช่วยให้คุณดูแลสัตว์เลี้ยงได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายมากเกินไป

แต่ประกันสัตว์เลี้ยงแต่ละแบบก็มีความคุ้มครองที่แตกต่างกันไป วันนี้เราจะมาเจาะลึก 8 ความคุ้มครองหลักที่คุณควรทราบก่อนตัดสินใจทำประกันให้กับสัตว์เลี้ยงของคุณ

1. ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ

  • ความคุ้มครอง: ชดเชยค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเมื่อสัตว์เลี้ยงประสบอุบัติเหตุ เช่น ถูกชน ถูกกัด หรือตกจากที่สูง
  • ตัวอย่าง: หากสุนัขของคุณวิ่งเล่นแล้วพลัดตกลงบันไดและขาหัก ประกันจะช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดและรักษา

2. ค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วย

  • ความคุ้มครอง: ชดเชยค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเมื่อสัตว์เลี้ยงเจ็บป่วย เช่น เป็นไข้หวัดใหญ่ โรคไต หรือโรคเบาหวาน
  • ตัวอย่าง: หากแมวของคุณป่วยเป็นโรคไตและต้องทำการรักษาด้วยเครื่องฟอกไต ประกันจะช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายในการรักษา

3. ค่าฉีดวัคซีน

  • ความคุ้มครอง: ชดเชยค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ให้กับสัตว์เลี้ยง
  • ตัวอย่าง: ประกันจะช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า โรคหัดสุนัข หรือโรคเลือดออกตามไรฟันในแมว

4. ค่าชดเชยกรณีเสียชีวิต

  • ความคุ้มครอง: จ่ายเงินชดเชยให้กับผู้เอาประกันภัยในกรณีที่สัตว์เลี้ยงเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วย
  • ตัวอย่าง: หากสัตว์เลี้ยงของคุณป่วยหนักและเสียชีวิต ประกันจะจ่ายเงินชดเชยให้คุณเพื่อบรรเทาความเสียใจ

5. ค่าคุ้มครองบุคคลภายนอก

  • ความคุ้มครอง: ชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่เกิดจากความประมาทของสัตว์เลี้ยง
  • ตัวอย่าง: หากสุนัขของคุณกัดคนอื่น ประกันจะช่วยชดเชยค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้ที่ถูกกัด

6. ค่าพิธีศพ

  • ความคุ้มครอง: ชดเชยค่าใช้จ่ายในการจัดพิธีศพให้กับสัตว์เลี้ยง
  • ตัวอย่าง: ประกันจะช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายในการเผาศพหรือฝังศพสัตว์เลี้ยง

7. ค่าฝากเลี้ยง

  • ความคุ้มครอง: ชดเชยค่าใช้จ่ายในการฝากเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในกรณีที่เจ้าของต้องเดินทางหรือเข้าโรงพยาบาล
  • ตัวอย่าง: หากคุณต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ประกันจะช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายในการฝากสุนัขของคุณไว้ที่โรงแรมสัตว์เลี้ยง

8. ค่าประกาศตามหา (กรณีสัตว์เลี้ยงหาย)

  • ความคุ้มครอง: ชดเชยค่าใช้จ่ายในการประกาศตามหาสัตว์เลี้ยงที่สูญหาย
  • ตัวอย่าง: หากสุนัขของคุณหลุดออกจากบ้านและหายไป ประกันจะช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายในการพิมพ์ป้ายประกาศหรือลงโฆษณาตามหา

สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกซื้อประกันสัตว์เลี้ยง

  • ความคุ้มครอง: เปรียบเทียบความคุ้มครองของแต่ละบริษัทให้ละเอียด เพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการของคุณ
  • เบี้ยประกัน: พิจารณาเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายว่าเหมาะสมกับงบประมาณของคุณหรือไม่
  • เงื่อนไข: อ่านเงื่อนไขต่างๆ ของกรมธรรม์ให้ละเอียด เช่น ระยะเวลาการรอคอยก่อนได้รับความคุ้มครอง ข้อจำกัดในการเคลม และโรคที่ไม่คุ้มครอง
  • บริษัทประกัน: เลือกบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือและมีบริการหลังการขายที่ดี

การทำประกันสัตว์เลี้ยงเป็นการวางแผนที่ดีเพื่อดูแลสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก หากคุณมีคำถามเพิ่มเติม สามารถสอบถามข้อมูลจากตัวแทนประกันภัยได้โดยตรง

หมายเหตุ: ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ควรตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมจากบริษัทประกันภัยที่คุณสนใจ

คำแนะนำ: เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยสัตว์เลี้ยง

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม? สแกน QR Code หรือคลิก https://bit.ly/3z0veBO  เพื่อดูแผนประกันและค่าเบี้ยประกัน

ทำไมต้องทำประกันสัตว์เลี้ยง?

ทำไมต้องทำประกันสัตว์เลี้ยง?

เป็นคำถามที่หลายๆ คนที่เลี้ยงสัตว์อาจเคยสงสัย เพราะค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงนั้นค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในยามที่สัตว์เลี้ยงเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ การ ทำประกันสัตว์เลี้ยง จึงเป็นเหมือนการป้องกันความเสี่ยงและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

ประกันสัตว์เลี้ยง
ประกันสัตว์เลี้ยง

เหตุผลที่ควรทำประกันสัตว์เลี้ยง:

  • ค่ารักษาพยาบาลสูง: ค่ารักษาพยาบาลสัตว์เลี้ยงในปัจจุบันมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการผ่าตัดหรือการรักษาโรคเรื้อรัง การทำประกันจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปได้
  • เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด: สัตว์เลี้ยงอาจเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ การทำประกันจะช่วยให้เรามีเงินทุนสำรองไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน
  • ความคุ้มครองที่หลากหลาย: ประกันสัตว์เลี้ยงในปัจจุบันมีแผนความคุ้มครองที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าผ่าตัด ค่าโรงพยาบาล ค่าฉีดวัคซีน หรือแม้แต่ค่าทำหมัน
  • ความอุ่นใจ: การทำประกันสัตว์เลี้ยงจะทำให้เรามีความอุ่นใจมากขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงในอนาคต
  • บางบริษัทมีบริการเสริม: นอกจากความคุ้มครองด้านสุขภาพแล้ว บางบริษัทประกันยังมีบริการเสริมอื่นๆ เช่น ค่าฝากเลี้ยง ค่าขนส่งสัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่ค่าจัดการศพ

สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนทำประกันสัตว์เลี้ยง:

  • ความคุ้มครอง: เปรียบเทียบความคุ้มครองของแต่ละบริษัทให้ดี ว่าคุ้มครองอะไรบ้าง ค่ารักษาพยาบาลสูงสุดเท่าไหร่
  • เบี้ยประกัน: เลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับงบประมาณของเรา
  • อายุและสายพันธุ์สัตว์เลี้ยง: บางบริษัทอาจมีข้อจำกัดเรื่องอายุและสายพันธุ์ของสัตว์เลี้ยง
  • เงื่อนไขการเคลม: อ่านเงื่อนไขการเคลมให้ละเอียด เพื่อให้เข้าใจสิทธิประโยชน์และข้อยกเว้นต่างๆ

 

การทำประกันสัตว์เลี้ยงเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า เพราะช่วยให้เราสามารถดูแลสัตว์เลี้ยงได้อย่างเต็มที่ในยามที่เขาเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย

ก่อนตัดสินใจทำประกันสัตว์เลี้ยง ควรปรึกษาตัวแทนประกันเพื่อ เลือกแผนประกัน ที่เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงของเรามากที่สุด

บริการรีโนเวทบ้านครบวงจร

เปลี่ยนคอนโดเก่า ให้เป็นคอนโดใหม่ในฝัน  สไตล์ที่ใช่ ในราคาที่ชอบ 💖

พิเศษ! โปรโมชั่นเดือนสิงหาคมนี้เท่านั้น 🎁 สำรวจหน้างานฟรี มูลค่า 1,000 บาท (ตามเงื่อนไขบริษัท) 🎉

🏠 บริการรีโนเวทบ้านครบวงจร 🛠️

✅ ทีมออกแบบมากประสบการณ์: เนรมิตบ้านในฝันให้เป็นจริง พร้อมให้คำแนะนำปรับปรุงบ้านเก่าทุกสไตล์ ✅ ช่างมืออาชีพ: งานเนี๊ยบ ได้มาตรฐาน คุ้มค่า คุ้มราคา ✅ รับงานทุกขนาด: ไม่ว่าจะเป็นห้องเล็ก หรือบ้านหลังใหญ่ เราก็จัดให้ ✅ วัสดุคุณภาพเยี่ยม: คัดสรรวัสดุที่ตอบโจทย์ทุกสไตล์ และงบประมาณ ✅ การันตีคุณภาพ: มั่นใจได้ในทุกขั้นตอน

🎁 พิเศษ! โปรโมชั่นเดือนสิงหาคมนี้เท่านั้น 🎁

🎉 สำรวจหน้างานฟรี มูลค่า 1,000 บาท (ตามเงื่อนไขบริษัท) 🎉

ให้เราช่วยเติมเต็มความสุขในบ้านของคุณ 😊

📲 สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือจองบริการได้เลย!

👉 สแกน QR CODE ในภาพ หรือคลิก https://bit.ly/3UQWgUO

🗓️ (โปรโมชั่นตั้งแต่วันที่ 1 – 31 สิงหาคม 2567)

สัตว์เลี้ยงแสนรัก ที่เลี้ยงในคอนโดได้


สัตว์เลี้ยงแสนรัก ที่เลี้ยงในคอนโดได้

– หนูแฮมสเตอร์​
เป็นสัตว์ฟันแทะที่ได้รับความนิยมอย่างมากในบ้านเรา สามารถหาซื้อได้ตามหลากหลายที่ มีราคาไม่แพง ซื้อมาเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกได้อย่างไม่ต้องลังเล รวมไปถึงหนูแฮมสเตอร์ยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่ใช้พื้นที่น้อย ไม่ส่งเสียงรบกวน อย่างน้อยก็มีแค่เสียง จี๊ด ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ เป็นระยะ เหมาะกับการเลี้ยงในห้องคอนโด​

– เม่นแคระ​
เม่นแคระเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย มีนิสัยฉลากเฉลียว แต่เคลื่อนที่ช้า เวลาเคลื่อนย้ายไปไหนจะค่อย ๆ ไป มีท่าทางการเดินคล้ายกับหมู แต่ถ้าตกใจ หรือเจออันตรายขึ้นมาก็สามารถซอยเท้าถี่ยิบ หรือไม่ก็หยุดนิ่งแล้วนอนขดตัวเป็นลูกฟุตบอลจนกว่าจะแน่ใจว่าปลอดภัยจากภัยคุกคามถึงจะเริ่มคลายตัวและยืดตัวออกมา​

– ชินชิลล่า​
ชินชิลล่าเป็นสัตว์ฟันแทะที่มีลักษณะขนาดรูปร่างคล้ายหนูกับกระต่าย มีหูกางใหญ่ อุ้งเท้าออกแบบมาเพื่อการเดินบนแผ่นหิน มีหลากหลายสีสันเช่น สีเทา สีเทาอ่อน สีดำ หางยาวเป็นพวงคล้ายกระรอก ส่วนขนมีลักษณะแน่นและหนา เพื่อป้องกันตัวเองจากอากาศหนาวเย็นบนเทือกเขาสูง สำหรับนิสัยของชินชิลล่านั้นจะชอบแทะวัสดุไม้ มีนิสัยไม่ค่อยดุ ไม่กัด

– ปลาทอง​
ปลาสวยงามที่รู้จักกันดี และมีความเชื่อว่าเป็นปลามงคล หากเลี้ยงแล้วจะช่วยเสริมฮวงจุ้ยด้านโชคลาภการเงิน มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน และปัจจุบันมีการเพาะพันธุ์จนมีมากกว่า 200 ชนิด ส่วนลักษณะก็จะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ จุดเด่นที่ทำให้ปลาทองแต่ละสายพันธุ์แตกต่างกันก็คือ ตา ลำตัว ครีบหลัง ครีบก้น และครีบหาง มีทั้งหางเดี่ยว หางเป็นพวง และหางคู่ นอกจากนั้นยังเป็นปลาที่มีนิสัยเป็นมิตรกับคน​

– แมว​
แมวเป็นสัตว์เลี้ยงในคอนโดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีขนาดเล็ก เลี้ยงง่าย ดูแลไม่ยาก ไม่ส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้าน และที่สำคัญสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี โดยสายพันธุ์แมวที่นิยมได้แก่ แมวเปอร์เซีย, แมวสก็อตติช, โฟลด์, ขาวมณี เป็นต้น ​

– กระต่าย​
กระต่าย เป็นอีกหนึ่งพันธ์ุสัตว์เลี้ยงในคอนโดที่มีขนาดเล็ก มีนิสัยรักสงบ และไม่ส่งเสียงรบกวน สามารถเลี้ยงในห้องคอนโดได้อย่างสบาย โดยสายพันธุ์กระต่ายที่นิยมได้แก่ Mini Rex กระต่ายตัวเล็กนิสัยอ่อนหวาน, holland Lop กระต่ายจิ๋ว ขนฟู หูห้อย น่ากอด, Florida White กระต่ายสีขาวผ่อง ขนยาวดูสง่างาม เป็นต้น​

– สุนัข​
เป็นอีกหนึ่งสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงในคอนโด แต่โดยส่วนใหญ่แล้วการเลี้ยงสุนัขในคอนโดควรจะเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก เช่น ปั๊ก ชิวาวา ปอมเมอเรเนียน เป็นต้น เพราะเลี้ยงดูได้ง่าย ไม่ส่งเสียงดังจนมากเกินไป

หน้าที่ของนิติบุคคลอาคารชุดที่เราควรรู้

หน้าที่ของนิติบุคคลอาคารชุดที่เราควรรู้

นิติบุคคลอาคารชุด หรือ นิติบุคคลคอนโดถือเป็นผู้ที่มีบทบามสำคัญในการดูแลให้คอนโดมีความเรียบร้อย และดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในคอนโด ตั้งแต่ปัญหาเพื่อนบ้าน หรือพื้นที่ส่วนกลาง ลองมาทำความรู้จักกับนิติบุคคลอาคารชุดกันว่ามีหน้าที่อะไรบ้าง​

1. จัดการเรื่องต่างๆ เพื่อดูแลทรัพย์สินส่วนกลางให้อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งานอยู่เสมอเพื่อประโยชน์ของเจ้าของร่วม
2. จัดซื้อหรือจัดหาทรัพย์สินตลอดจนให้บริการความสะดวกแก่เจ้าของร่วมตามกฎข้อบังคับของคณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุด​
3. เรียกเก็บเงินทุน หรือ ค่าส่วนกลาง จากเจ้าของร่วมเพื่อนำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาทรัพย์สินส่วนกลาง​
4. ดำเนินการตามมติของคณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุด โดยต้องไม่ขัดต่อข้อบังคับของนิติบุคคลและพระราชบัญญัติอาคารชุด​
5. ควบคุมดูแลการใช้ประโยชน์ทั้งภายในห้องชุดและการใช้ทรัพย์สินส่วนกลาง​
6. เป็นผู้แทนของนิติบุคคลอาคารชุดและมีอำนาจในการติดตาม ทวงหนี้ ฟ้องร้อง บังคับคดี โดยอยู่ภายในขอบเขตของพระราชบัญญัติอาคารชุด ข้อบังคับของนิติบุคคลอาคารชุด หรือมติที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วม​
7. จัดให้มีการประชุมใหญ่ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของนิติบุคคล

8 ข้อควรรู้ ‘ก่อนเลี้ยงสัตว์ในคอนโด’ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา​​​

8 ข้อควรรู้ ‘ก่อนเลี้ยงสัตว์ในคอนโด’ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา​​​

ณ ปัจจุบัน บริษัทเดเวลอปเปอร์หลายเจ้าก็ได้ออกแบบโครงการใหม่หลายที่ให้มีแนวคิดแบบ Pet-Friendly เพื่อตอบโจทย์เทรนด์การเลี้ยงสัตว์ที่นิยมกันมากขึ้น โดยในบริเวณพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดเหล่านี้ก็จะมีโซนสำหรับสัตว์เลี้ยง สามารถพาน้องหมาน้องแมวไปเดินเล่น ไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้​
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเลี้ยงสัตว์ในห้องคอนโดของตัวเองนั้น ก็ควรจะต้องพิจารณาให้ดีซะก่อน เพราะว่าอาจจะก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งกลิ่นเหม็น ส่งเสียงดังรบกวน หรือทำของพังเสียหาย ทำให้กลายเป็นปัญหาวุ่นวายระหว่างผู้พักอาศัยบนคอนโด ดังนั้นMDPC จะพาทุกคนไปดูกันว่าสิ่งที่ควรรู้ก่อนเลี้ยงสัตว์ในคอนโด เพื่อให้อยู่ร่วมกับน้อง ๆ ได้อย่างสบายใจ มีอะไรที่เราควรทำบ้าง

1.ศึกษากฎระเบียบการเลี้ยงสัตว์ในคอนโด ​
ก่อนตัดสินใจเลี้ยงสัตว์ในคอนโด สิ่งแรกที่ควรทำคือ ศึกษากฎระเบียบเรื่องการเลี้ยงสัตว์ของคอนโดให้ละเอียดก่อน โดยคอนโดส่วนใหญ่ก็จะไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ แต่สำหรับคอนโดที่มีแนวคิดแบบ Pet-Friendly ก็จะมีเงื่อนไขต่าง ๆ ในการเลี้ยงสัตว์ที่ผู้อยู่อาศัยทุกคนต้องศึกษาให้ครบถ้วน

2.บทลงโทษ และการดำเนินการของนิติบุคคล
ปกติเมื่อเกิดปัญหาจากสัตว์เลี้ยง นิติบุคคลจะแจ้งเตือนตามลำดับ เริ่มตั้งแต่การแจ้งด้วยการบอกกล่าวทางวาจา การทำจดหมายแจ้งเตือน หากเราที่เป็นผู้พักอาศัยยังไม่แก้ไขปัญหาที่เกิดจากสัตว์เลี้ยงของเรา ทางนิติบุคคลก็จะเรียกเก็บค่าปรับ​

3.ข้อควรรู้ ‘กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของสัตว์เลี้ยง’​
กลิ่นไม่พึงประสงค์จากสัวต์เลี้ยงอย่างเช่น ปัสสาวะ หรืออุจจาระจากสัตว์เลี้ยง เราควรศึกษาให้ดี โดยสามารถสอบถามกับทางนิติบุคคลว่าเราควรนำไปทิ้งในจุดไหน ที่จะไม่ก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เพื่อไม่ให้เป็นการเดือดร้อนผู้พักอาศัยคนอื่น ซึ่งเจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกคนต้องดูแลจัดเก็บสิ่งปฏิกูลให้เรียบร้อย และอย่าลืมเช็ดบริเวณพื้นด้วยน้ำยาทำความสะอาดด้วยทุกครั้ง​

4.ฝึกสัตว์เลี้ยงไม่ให้ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น
ปัญหาเรื่องสัตว์เลี้ยงส่งเสียงดัง เรียกได้ว่าเป็นปัญหาอันดับต้น ๆ ของการเลี้ยงสัตว์ในคอนโด ดังนั้นเจ้าของจะต้องให้ความใส่ใจ สำหรับคนที่เลี้ยงสุนัขทำได้โดยการไม่ให้ความสนใจเวลาน้องเห่า ซึ่งจะเป็นการฝึกให้รู้ว่าไม่ควรเห่าเสียงดัง ทำได้โดยการไม่ให้ความสนใจเวลาน้องเห่า หรือฝึกให้ชินกับสิ่งเร้าต่าง ๆ และสำหรับคนที่เลี้ยงแมว สามารถพาไปทำหมันเพื่อไม่ให้น้องส่งเสียงร้องจากอาการ ‘ติดสัตว์’ ที่จะเกิดขึ้นในทุก ๆ 3-4 อาทิตย์ การฝึกสัตว์เลี้ยงต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากไม่ฝึกอย่างสม่ำเสมอ น้อง ๆ อาจจะลืมสิ่งที่เรียนรู้จากเราไปได้

5.ฝึกไม่ให้ทำเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของอื่น ๆ เสียหาย​
ถ้าเกิดว่าสัตว์เลี้ยงของเราไปสร้างความเสียหายกับเฟอร์นิเจอร์ ข้างของต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ส่วนกลางของคอนโด ก็จะตามมาด้วยค่าเสียหายสูงลิบลับ สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหานี้ สามารถทำได้โดยการฝึกฝนสัตว์เลี้ยง หากเป็นสุนัขสามารถฝึกโดยการตักเตือน พาไปออกกำลังกายแก้เครียด หรือหาของเล่นมาให้กัดแทะ ส่วนใครที่เลี้ยงแมว ก็ขอแนะนำให้ซื้อของเล่นสำหรับฝนเล็บมาไว้ให้น้องลับเล็บกัน เพื่อที่จะไม่ไปขีดข่วนสิ่งของอย่างอื่น​

6.การใช้ใช้สายจูง​
ถึงแม้ว่าคอนโดหลายโครงการที่เป็นแบบ Pet-Friendly จะมีโซนสัตว์เลี้ยงในส่วนกลางให้พาน้องหมาน้องแมวไปวิ่งเล่นได้ สิ่งที่เจ้าของทุกคนห้ามลืมก็คือ ‘การสายจูง’ เพราะว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยฝึกน้อง ๆ ไม่ให้ทำทุกอย่างตามใจ และยังช่วยในเรื่องความปลอดภัยทั้งกับตัวน้องและเพื่อนสัตว์เลี้ยวตัวอื่น ๆ อีกด้วย

7.ต้องจัดพื้นที่ระเบียงให้ปลอดภัย​
หลายคนที่เลี้ยงสัตว์อยู่คอนโดพลาดมานักต่อนัก การมีประตูก่อนออกไปยังระเบียงไม่ได้เป็นสิ่งที่การันตีว่าสัตว์เลี้ยงของเราจะอยู่ในห้องคอนโดตลอดเวลา ในบางครั้งหากเราลืมเปิดประตูทิ้งไว้ น้อง ๆ ก็อาจจะหลุดรอดออกมาและกระโดดออกไปนอกระเบียงได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุการสูญเสียสัตว์เลี้ยง ควรจัดพื้นที่ระเบียงให้ปลอดภัย อาจจะทำโดยการติดตั้งตะแกรงเหล็ก ตาข่าย หรือระแนงไม้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับสัตว์เลี้ยง

8.ควรเอาใจใส่ และมีความรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยง​
การเลี้ยงสัตว์ล้วนต้องอาศัยความเอาใจใส่และมีเวลาในการดูแลทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการพาไปเดิน การให้อาหาร อาบน้ำ ทำความสะอาด ตลอดจนพาไปรักษาพยาบาล และทั้งหมดนี้ก็เป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกด้วย ดังนั้นหากเราไม่สามารถแบ่งเวลาให้กับสัตว์เลี้ยงได้ ก็ยังไม่ควรเลี้ยงโดยเด็ดขาด และสำหรับคนที่มีความพร้อมในการเลี้ยงสัตว์ก็อย่าลืมเลี้ยงดูน้อง ๆ ด้วยความรอบคอบ

ปล่อยเช่าเอง หรือใช้ Agent เลือกอย่างไรดี

ปล่อยเช่าเอง หรือใช้ Agent เลือกอย่างไรดี​​

ในช่วงที่ผ่านมาผู้คนหันมาเลือกลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาวด้วยตัวเองกันมากขึ้น ทั้งการปล่อยเช่า ซื้อขายใบจองห้อง ซื้อคอนโดมิเนียมหรือบ้านมือสองมารีโนเวทแล้วขาย เพื่อการเก็งกำไรในระยะสั้น แต่บางทีอาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับยุคสมัยนี้ ยิ่งต้องเผชิญกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การหาผู้ซื้อ ผู้เช่า ยากยิ่งกว่าช่วงเวลาปกติ แล้วจะทำอย่างไรดีเมื่อเรามีคอนโดว่างๆ ไว้ แต่กลับไม่ได้สร้างผลตอบแทนให้กับเรา หากจะเลือกให้เอเจนท์หาลูกค้าให้ดีหรือไม่ วันนี้MDPCมีคำตอบ​

-เอเจนท์ให้คำปรึกษาทุกขั้นตอนของการปล่อยเช่า​
เอเจนท์จะมีประสบการณ์ เพื่อให้คำแนะนำในทุกขั้นตอนของการปล่อยเช่าแก่เจ้าของคอนโด ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งห้องให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย การถ่ายรูปห้องให้ดึงดูดจูงใจ รวมถึงการตั้งราคาปล่อยเช่าให้เหมาะสม​

-ช่วยในการหาผู้เช่า​
หน้าที่หลักๆ ของเอเจนท์ คือการหาผู้เช่าให้กับเจ้าของคอนโด โดยข้อได้เปรียบของเอเจนท์ คือการมีคอนเนคชั่นที่ดี มีฐานข้อมูลลูกค้าที่ตรงกับโจทย์ของเจ้าของคอนโด รวมทั้งมีการลงประกาศเช่าคอนโดผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากกว่า​

-ประหยัดเวลา​
การใช้บริการเอเจนท์ อาจจะเหมาะเป็นอย่างยิ่ง สำหรับเจ้าของคอนโดที่ไม่ค่อยมีเวลาหาผู้เช่า รวมทั้งไม่สะดวกรับโทรศัพท์ หรือการติดต่อกลับ รวมถึงไม่อยากเจรจากับผู้เช่าโดยตรง กระทั่งอาจไม่สะดวกที่จะนัดหมายกับผู้เช่า พาชมห้องจริงที่ปล่อยเช่า ซึ่งเอเจนท์จะเข้ามาเป็นตัวแทนหรือตัวกลางเพื่อให้บริการในส่วนนี้ แทนเจ้าของคอนโด​

-จัดการเรื่องของเอกสาร​
ในการให้เช่าคอนโดในแต่ละครั้ง อาจจะต้องจัดการเกี่ยวกับเรื่องเอกสารต่างๆ มากมาย อาทิ สัญญาเช่า ซึ่งต้องอาศัยความรู้ด้านกฎหมาย ซึ่งเอเจนท์จะมีส่วนช่วยสำคัญในส่วนนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจากการเช่าทั้งก่อน และหลังการทำสัญญา​

-ประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น​
ในการปล่อยเช่าคอนโดด้วยตัวเอง อาจทำให้เราเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น หากเราลงประกาศโฆษณาผ่านช่องทางของตัวเอง หรือบางครั้งอาจลงในสื่อที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ทำให้เราหาผู้เช่าได้ช้าขึ้น และหากอยู่ระหว่างการผ่อนคอนโดไปด้วย อาจทำให้เราต้องควักกระเป๋าไปเต็มๆ ระหว่างการหาผู้เช่า ซึ่งหากยิ่งช้าภาระค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น​

-หาผู้เช่าได้ดี ไม่เสี่ยงห้องพัง​
การหาผู้เช่าหากเจ้าของคอนโดไม่มีประสบการณ์ในการปล่อยเช่ามาก่อน อาจจะลำบากในการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้เช่า ว่ารายใดเหมาะกับการเช่าคอนโดของเรา ซึ่งเอเจนท์จะมีประสบการณ์ในการคัดเลือกผู้เช่า ช่วยคัดกรองผู้เช่าว่ารายใดน่าเชื่อถือ​

สรุปแล้วบทบาทของเอเจนท์ หรือหลายคนเรียกว่า นายหน้า หรือ ตัวแทน จะเป็นตัวกลางในการเจรจา หรือประสานงานการ ซื้อ ขาย ให้เช่า โดยในกรณีหากเราต้องการปล่อยเช่าคอนโด เอเจนท์จะทำหน้าที่ในการช่วยประกาศปล่อยเช่าคอนโดแทนให้กับเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนของการลงประกาศตามช่องทางสื่อต่าง ๆ การรับติดต่อ และการเสนอห้องกับลูกค้าที่มองหาที่อยู่ เจรจาต่อรองเงื่อนไขการเช่า รวมถึงต่อรองราคาค่าเช่า และเปิดห้องพาลูกค้าที่สนใจชมห้องจริงอีกแทนเราอีกด้วย ซึ่งเราอาจจะมีค่าตอบแทนให้เอเจนท์ที่สามารถหาผู้เช่ามาได้ ดังนั้นการมีเอเจนท์จึงตอบโจทย์ มากกว่าการหาผู้เช่าเอง​

7 วิธีดูแลสัตว์เลี้ยงหน้าร้อน พร้อมวิธีคลายร้อนช่วงซัมเมอร์นี้​​

 

7 วิธีดูแลสัตว์เลี้ยงหน้าร้อน พร้อมวิธีคลายร้อนช่วงซัมเมอร์นี้​​

ในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ไม่เพียงแต่เราเท่านั้นที่ร้อนจน แต่สัตว์เลี้ยงอย่างน้องหมาน้องแมวก็ร้อนไม่แพ้กัน และถ้าหากปล่อยให้สัตว์เลี้ยงร้อนจนเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือเป็นอันตรายได้ วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลวิธีดูแลสัตว์เลี้ยงหน้าร้อนมาฝากกัน​

1.ห้ามทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้ในรถ​
ถ้ารถไม่ได้เปิดแอร์ ในวันที่อากาศร้อน ห้ามทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้ในนั้นตามลำพังเด็ดขาด อุณหภูมิในรถจะพุ่งสูงมาก อาจสูงได้มากถึง 120 องศา แม้จะมีการแง้มกระจกไว้ก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยง อาจเป็นอันตรายกับสัตว์เลี้ยงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย​

2. ระวังพื้นผิวที่สัตว์เลี้ยงเดิน​
พื้นถนนหรือคอนกรีตกลางแดด ซึ่งสามารถแผดเผาอุ้งเท้าของสัตว์เลี้ยงได้ และผิวบนพื้นเท้าของสัตว์เลี้ยงนั้นมีความอ่อนโยนอย่างมาก แนะนำให้สัตว์เลี้ยงเดินบนหญ้าหรือพื้นที่ที่มีความชุ่มชื้น​

3. อย่าพาสัตว์เลี้ยงไปผึ่งพัดลม​
สัตว์เลี้ยงมีการตอบสนองกับอากาศร้อนที่ไม่เหมือนกับคน การพาไปผึ่งพัดลมอาจไม่ได้ช่วยให้สัตว์เลี้ยงรู้สึกเย็นขึ้นเท่าไหร่​

4. หมั่นเช็คอุณหภูมิน้ำที่ให้สัตว์เลี้ยง ควรเย็นอยู่เสมอ​
ถ้าเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไว้นอกบ้าน หมั่นเติมน้ำเย็นให้กับสัตว์เลี้ยง อาจวางกะละมังเอาไว้ให้สัตว์เลี้ยงเลย และให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในบริเวณที่มีร่มเงาจากต้นไม้ หรือร่มเงาจากบ้าน จะถ่ายเทอากาศได้ดีกว่า จะดีกว่าปล่อยสัตว์เลี้ยงให้อยู่ในพื้นที่ ๆ ที่แดดจ้า และมีการระบายอากาศน้อย​

5. อาบน้ำให้สัตว์เลี้ยง​
หากไม่ค่อยได้อาบน้ำให้กับสัตว์เลี้ยง ฤดูร้อนก็อาจถือเป็นช่วงเวลาอันดีที่ควรจะอาบน้ำให้กับสัตว์เลี้ยง โดยทั่วไปแล้วสัตว์เลี้ยงไม่ได้ชอบอาบน้ำบ่อย ๆ ไม่จำเป็นต้องอาบทุกวัน หรืออย่างน้อย ๆ ก็อาจหาแหล่งน้ำเอาไว้ให้สัตว์เลี้ยง ​

6. สังเกตอาการ HEATSTROKE​
อากาศที่ร้อนจัด อาจทำให้สัตว์เลี้ยงเป็นโรค heatstroke ได้ โดยสามารถสังเกตได้จากอาการหอบ หายใจแรง หัวใจเต้นแรง มีการหายใจผิดปกติ กินน้ำเยอะมากผิดปกติ เศร้าซึม มีไข้ ดูมึน ดูเบลอ น้ำลายไหลมาก อาเจียน ลิ้นมีสีแดงเข้มหรือม่วง ชักหรือหมดสติ​

7.เลือกสวมใส่ไอเทมที่สะดวกสบายให้กับสัตว์เลี้ยง​
สำหรับในหน้าร้อนแล้ว สัตว์เลี้ยงอาจไม่เหมาะกับการแต่งตัวเพิ่มเติมแบบจัดเต็มเหมือนฤดูกาลอื่น ๆ ในกรณีที่ต้องการสวมใส่ ก็อาจจะเหลือแค่ปลอกคอเล็ก ๆ ทำจากวัสดุ เบา สบาย เพื่อให้สัตว์เลี้ยงเกิดความสบายตัว ไม่ร้อนจนเกินไป และยังสามารถป้องกันสัตว์เลี้ยงหลุดหายได้ด้วย​

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า