การลงทุนในอสังหาฯถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้ระยะยาว แต่ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง เราจึงควรศึกษาดูทำเลที่ตั้งของอสังหาฯนั้นๆเพื่อให้ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการมากที่สุด เงินที่ได้นำไปลงทุนจะได้ไม่เสียเปล่า

1.ทำเลที่ง่ายต่อการเข้าถึง สะดวกต่อการเดินทาง

มีถนนหลายสายรวมไปถึงถนนสายหลักผ่านบริเวณนั้น เช่น ถนนสุขุมวิท ถนนเพชรบุรี ซึ่งเป็นถนนหลักที่ผู้คนส่วนใหญ่มักใช้ในการเดินทาง สามารถเข้า-ออกได้หลายทาง หรือทำเลที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าอย่าง MARU Ekamai 2 ที่อยู่ห่างรถไฟฟ้าสถานีเอกมัยแค่ 400 ม. อำนวยความสะดวกทั้งสำหรับผู้ที่ใช้รถส่วนตัวหรือผู้ที่ต้องการเดินทางโดยรถสาธารณะ เนื่องจากสถานีรถไฟฟ้าส่วนมากจะอยู่ติดกับถนนใหญ่

2.ทำเลที่อยู่ใกล้สถานที่ทำงานหรือสถานศึกษา

เนื่องจากทำเลเหล่านี้เป็นทำเลที่มีความต้องการจากตลาดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะซื้อ-ขาย หรือปล่อยเช่า ทำเลเหล่านี้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายอย่างนักเรียน นักศึกษา รวมไปถึงกลุ่มวัยทำงานที่ต้องการหาที่พักอาศัยใกล้ๆสถานที่ทำงานหรือสถานที่ศึกษาในระยะยาว เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการเดินทาง อย่างที่ Maestro 01 ที่ห่างจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4 กม. นักศึกษาสามารถเดินทางไปเรียนหรือไปที่อื่นๆตามต้องการได้อย่างสะดวก

3.ทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์

เป็นสถานที่อำนวยความสะดวกที่ส่งผลอย่างมากต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อหรือผู้เช่า เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้รับความสะดวกสบายในด้านอาหารการกิน การผ่อนคลาย การช้อปปิ้ง รวมไปถึงการสร้างความบันเทิง และทำเลเหล่านี้มีโอกาสที่จะมีมูลค่าเพิ่มสูงในอนาคต เนื่องจากมีผู้คนสัญจรผ่านไปมาเป็นจำนวนมากทั้งจากคนในพื้นที่และนอกพื้นที่ อย่างเช่นย่านลาดพร้าวที่มี Union mall และ Central ladprao ที่เป็นแหล่งรวมตัวของผู้คน ซึ่งมีคอนโด Metris Ladprao อยู่ระแวกนั้น สามารถเดินทางไปห้างได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว

การเลือกทำเลที่ตั้งนั้นเป็นเพียง 1 ในปัจจัยที่ใช้ประกอบการตัดสินใจในการลงทุน แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมก่อนลงทุนด้วย เช่น การศึกษาและวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ การคาดการณ์แนวโน้มทางการเงินและเศรษฐกิจ แนวโน้มของทำเลที่กำลังสนใจ รวมไปถึงการประเมินความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้